18 ส.ค. 2553

สื่อบันทึกเสียง (audio recording media)

สื่อบันทึกเสียง(audio recording media)
                                                                                     
Somsit Jitstaporn,Ph.D,Assoc.Prof.


        วิธีการบันทึกเสียงมีหลายวิธีและมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนามาเป็นลำดับ
 ในปี  1796 ช่างทำนาฬิกาชาวสวิสชื่อ Antoine Favre ได้เสนอแนวคิดของเขาเรื่องกล่อง(ทรงกระบอก)เสียงเพลง(musical box) ซึ่งแนวคิดนี้ใช้เป็นวิธีแรก ๆ ของการบันทึก melody
       เครื่องเล่นแผ่นเสียง ( phonograph หรือ gramophone) ผู้คิดค้นคือโทมัส เอดิสัน(Thomas Edison) เมื่อปี 1877 ซึ่งในยุคนั้นยังเป็นการบันทึกเป็นแท่งทรงกระบอกอยู่ในยุคแรก ๆ
ต่อมาในปี
1887 โดย Emile Berliner จึงได้คิดค้นการบันทึกลงเป็นแผ่นเสียง มีร่องเสียง เพื่อให้เกิดการสั่นสะเทือนของเข็ม เรียกว่า gramophone record  แรก ๆ หมุนด้วยความเร็ว 78 rpm(รอบต่อนาที) ต่อมาจึงมีความเร็วต่ำลงคือ 45 และ 33 1/3 rpm

   วัลดิมาร์ พูลเสน(Valdemar Poulsen)  ชาวดัช เป็นคนคิดค้นหลักการบันทึกเสียงด้วยหลักการของการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กและได้จดสิทธิบัตรในปี 1898 ซึ่งในช่วงแรก ๆ ยังเป็นการบันทึกลงบนเส้นลวด
           เครื่องเล่นแผ่นเสียง ( phonograph หรือ gramophone) ผู้คิดค้นคือโทมัส เอดิสัน(Thomas Edison) เมื่อ8 ธันวาคม ปี 1877 ซึ่งในยุคนั้นยังเป็นการบันทึกเป็นแท่งทรงกระบอกอยู่ในยุคแรก ๆ สามารถบันทึกเสียงของมนุษย์ได้ เครื่องของเอดิสันได้พัฒนาจากเครื่องโทรเลขที่ใช้เป็นรหัสมอร์ส

First Edison recorder/player 

  



ต่อมาในปี 1887 โดย Emile Berliner จึงได้คิดค้นการบันทึกลงเป็นแผ่นเสียง มีร่องเสียง เพื่อให้เกิดการสั่นสะเทือนของเข็ม เรียกว่า gramophone record  แรก ๆ หมุนด้วยความเร็ว 78 rpm(รอบต่อนาที) ต่อมาจึงมีความเร็วต่ำลงคือ 45 และ 33 1/3 rpm
              เทปบันทึกเสียงได้รับการพัฒนาครั้งแรกในเยอร์มัน และ สถานีวิทยุ BBC ได้นำเทปบันทึกเสียงมาใช้ครั้งแรกในรายการเมื่อวันคริสต์มาส์ ปี 1932 ในยุคแรก ๆ การบันทึกเสียงด้วยเส้นเทปมีขนาดความกว้าง 3 มม. หนา 0.08มม.และวิ่งด้วยความเร็ว 90 เมตรต่อนาทีทำให้การบันทึกเสียงเวลาครึ่งชั่วโมงจะใช้เทปยาว 3 กิโลเมตร และมีน้ำหนัก 25 กิโลกรัมเลยทีเดียว
open reel magnetic tape  image:magtape1.jpg

เทปแบบ open reel  หรือ reel to reel  (7½" reel of ¼" recording tape) use 1950s-60s
เทปแม่เหล็ก(magnetic tape) ที่เรารู้จักกันทุกวันนี้เป็นการพัฒนาในเยอร์มันตั้งแต่ประมาณปี 1930 โดยนาย C. Lorenz แห่งบริษัท AEG

Stereo 8-track Recorder

เทปคาทริดจ์ สเตอริโอ 8 แทรค ปัจจุบันเลิกผลิตแล้ว

 

  audio cassette
  แคสเซทเทปขนาด 1/4 นิ้ว  บริษัทฟิลิปส์ผลิตครั้งแรกเมื่อปี คศ. 1963, 
 
 
ชนิด เอลคาสเซท(
Elcaset)มีลักษณะคล้ายเทปแบบแคสเซท แต่มีขนาดเนื้อเทปกว้างกว่า(1/4 นิ้ว)
ซึ่ง Sony ได้ผลิตมาเมื่อปี 1976


Olympus XB60 Microcassette Tape 3-Pack 
ไมโครแคสเซท



  เทป multitrack
 
   ADAT สำหรับการบันทึกแบบดิจิตอล


                   ในปี 1980s,วิธีการบันทึกในระบบดิจิตอลไ้ด้เริ่มมีการแนะนำเข้ามา แรก ๆ ไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนักสำหรับในตลาด consumerเพราะเกรงในเรื่องการ copy หรือทำซ้ำที่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์  แต่การบันทึกในระบบดิจิตอลยังคงใช้ในกลุ่ม professional เช่นใช้ DAT ใช้บันทึกลง hard-disk แล้ว burn ลง CD หรือ CD-R’s   

การบันทึกเสียงบนฟิล์มภาพยนตร์
     
         เกิดขึ้นราว ๆ ปี 1900 และมีการจดสิทธิบัตรเมื่อปี 1906 สำหรับการบันทึกเสียงลงบนฟิล์มภาพยนตร์ โดย Lauste แต่ในปี 1923 de Forest ก็จดสิทธิบัตรในการบันทึกเสียงลงบนฟิล์มเช่นกัน และฟิล์มภาพยนตร์เสียงในฟิล์มที่ได้รับความสนใจ เรื่องแรกคือเรื่อง The Jass Singer ใช้กระบวนการบันทึกเสียงที่เรียกว่า Vitaphone(แต่ไม่ใช่เรื่องแรกที่ใช้เสียงที่บันทึกลงบนฟิล์ม)

การบันทึกเสียงในระบบดิจิตอล
             เครื่องบันทึกเสียงดิจิตอลเครื่องแรกเป็นแบบ reel to reel ของบริษัท Denon ในปี 1972, ต่อมาเป็นของ Soundstream ปี1979 และของ Mitsubishi ในเทคโนโลยีดิจิตอลทีเรียกว่า PCM recording ต่อมาเพียงไม่กี่ปีก็มี studio มากมายที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น เทคโนโลยีแรก ๆ มีการใช้การบันทึกลงในม้วนเทปโทรทัศน์ อย่างเช่น U-matic หรือเทปโทรทัศน์แบบอื่น ๆ อีกหลาย format โดยใช้หลักการของหัวเทปหมุนแบบเดียวกับเทคโนโลยี video tape
              ในปี
1991 บริษัท Alesis ได้ผลิตเทปดิจิตอลที่เรียกว่า ADAT และเป็นที่ไ้ด้ัรับความนิยมตาม studio
              ในช่วง 1990 – 2000 ก็มีการพัฒนาไฟล์เสียง เป็น MP3
  

Digital Audio Tape

A 90-minute DAT cartridge, size compared to an AAA(LR03) battery.

ตลับของ DAT เมื่อเปรียบเทียบกับแบตเตอรีขนาด AAA
               ผู้แนะนำสู่ตลาดรายแรกคือ SONY เมื่อปี 1987 ซึ่งใช้ sample rate ที่สูงกว่า คือใช้ sampling จำนวน 4 modes คือ 32 kHz at 12 bits, and 32 kHz, 44.1 kHz or 48 kHz at 16 bits  เทคโนโลยีของ DAT จะใกล้เคียงกับหลักการของ video recorder โดยใช้หัวเทปหมุนทะแยง(helical scan) DAT จะมี 2 แชลแนล  ส่วน R-DAT จะเป็น 4 channel บันทึกได้ประมาณ 15 – 180 นาที 
 
หลักพื้นฐานในการบันทึกเสียง
      1. การบันทึกเสียงในระบบ Analog 
  เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลในขดลวดที่พันอยู่กับแท่งเหล็กก็จะทำการสร้างสนามแม่เหล็กขึ้นมา

       

เมื่อ หัวเทปทำหน้าที่บันทึกเสียงจะมีความเข้มของสนามแม่เหล็กเหนี่ยวนำสนามแม่ เหล็กของเส้นเทปให้เกิดการเรียงตัวใหม่ตามลักษณะของสัญญาณที่บันทึกเข้าไป

 ภาพหัวเทปที่ติดตั้งอยู่ในเครื่อง Kenwood ทางซ้ายมือของหัวเทปเป็นสำหรับลบ




ตำแหน่งหัวเทปจะวางเรียงจากหัวลบ(erase head) หัวบันทึก(record head) และหัวเล่น(playback head)
            เครื่องเทปที่ดี ๆ มักจะแยกหัวเทปบันทึกกับเล่นไว้ต่างหัวเทปกันแต่ถ้าเครื่องที่มีราคาถูกหรือ ต้องการประหยัดเนื้อที่ก็อาจจะใช้หัวบันทึกกับเล่นเป็นหัวเทปเดียวกันเพราะ การทำงานจะไม่พร้อมกันอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นหัวเทปที่อยู่แยกกันสามารถหฟังสัญญาณที่บันทึกแล้วได้ทันทีในขณะที่กำลังบันทึกเสียงอยู่
2. การบันทึกเสียงในระบบดิจิตอล
           การบันทึกเสียงะระบบดิจิตอลมีมานานแล้ว
         ในการบันทึกระบบดิจิตอล เสียงจะถูกบันทึกข้อมูลเป็นแบบตัวเลข ซึ่งตัวเลขเหล่านี้จะเป็นดิจิตอลโค๊ด(digital code) หรือที่เรียกว่า บิต(bits) ซึ่งกระบวนการบันทึกนี้เรียกว่า sampling rate ซึ่งค่าของ sampling rate จะบอกถึงคุณภาพของเสียงด้วย และเมื่อต้องการฟังเสียงทีบันทึกนั้นจะถูกถอดรหัสออกมาเพื่อเปลี่ยนเป็นเสียง ซึ่งการถอดรหัสนี้จะทำด้วยความเร็วเป็นพันครั้งต่อวินาที ซึ่งเราเรียกการถอดรหัสนี้ว่า PCM(Pulse Code Modulation)
Sampling Rate
        
 หมายถึงค่าความละเอียดในการบันทึกโค๊ตตัวเลขลงไป ยิ่งมีค่ามากเสียงก็จะยิ่งดี หมายความว่าภายใน 1 วินาทีค่า sampling rate ยิ่งมากเท่าไรย่อมได้คุณภาพเสียงที่ดีมากขึ้น ซึ่งค่า sampling rate ที่ใช้ในการบันทึีกเสียงอย่างเช่นในห้องบันทึกเสียงจะนิยมอยู่ที่ 44.1 kHz และ 48 kHz  ซึ่งค่า sampling rate ยิ่งมากเท่าไรก็จะยิ่งใช้เนื้อที่ในหน่วยความจำมากขึ้นเท่านั้นแต่คุณภาพเสียงก็จะดีขึ้นด้วย
ค่าบิต(bit – rate)
       
เปรียบได้กับความคมชัดของภาพในการถ่ายภาพ ในเรื่องของเสียงค่า bit-rate สูงจะยิ่งทำให้เสียงยิ่งดีและคมชัด ซึ่งเครื่องเสียงระบบดิจิตอลในปัจจุบันนิยมใช้ระบบบ 24 บิต
ADA(Analog to Digital to Analog)
   
เป็นกระบวนการแปลงสัญญาณที่เป็นแอนนาลอก(เช่นไมโครโฟน เสียงดนตรี ฯ )ให้เป็นดิจิตอลแล้วแปลงกับมาเป็นแอนนาลอกอีกครั้ง

ADC(Analog to digital converter)
   
ขบวนการแปลงสัญญารที่เป็นแอนนาลอกให้เป็นดิจิตอล

DAC(Digital to analog converter)
   ขบวนการแปลงสัญญาณดิจิตอลให้เป็นแอนนาลอก

Digital overload
   
ในระบบแอนนาลอก การ overload ของสัญญาณอาจจะเพียงสัญญาณพร่าเพี้ยนหรือยังพอรับได้อย่างไม่พร่าเพี้ยน แต่ในระบบดิจิตอลนั้นถ้าเกินระดับ วงจร ADC จะไม่สามารถรับได้ แต่เครื่องที่ดีๆ ก็จะมี limiter(soft limiter) ซึ่งทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อมีสัญญาณเข้ามาแรงเกินกว่าจะที่กำหนดไว้ได้อยู่ในระดับหนึ่ง(เท่านั้น)

Digital Tape Recorder (เทปบันทึกระบบดิจิตอล)/Digital Recorder(เครื่องบันทึกเสียงระบบดิจิตอล)
      ในปัจจุบันเครื่องบันทึกเสียงระบบดิจิตอลมีทั้งประเภทที่ใช้เทปและประเภทที่ไม่ใช้เทป Tapeless recorder (ระบบไม่ใช้เทป)
            เช่นใช้ hard disk, IC, แผ่นดิสก์, MD(Mini- disk recorder), ดังนั้นจึงเรียกว่า Digital Recorder แทน


สัญญาณดิจิตอล กับสถาบันที่กำหนดมาตรฐาน
   เนื่องจากการส่งถ่ายข้อมูลในระบบดิจิตอลนั้นมีหลายรูปแบบด้วยกัน ผู้กำหนดมาตรฐานหลัก ๆ จะมี 2 สมาคมได้แก่
   AES(The Audio Engineer Society)ของสหรัฐอเมริกา  และ EBU(The European Broadcaster’s Union)


ชนิดของขั้วต่อดิจิตอลที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน



      AES/EBU มีลักษณะเป็นขั้้วต่อแบบสามขา(cannon connector)
     
    SPDIF(Sony Phillips Digital Interface Format)
               SPDIF เป็นมาตรฐานของการส่งข้อมูลเสียงดิจิตอลคุณภาพสูงโดยไม่มีการวงจรแปลงสัญญาณจาก analog เป็น digital แต่อย่างใด การใช้งานจะใช้กับอุปกรณ์ Hi-Fi อย่างเช่น DVD player, CD player, Mini=Disc, Sound card เป็นต้น
              SPDIF มี 2 แบบคือแบบ Coaxial กับแบบ Optical
                              แบบ coaxial  เป็น interface ที่ใช้ขั้วต่อแบบ RCA และสาย coaxial 75 โอห์ม



                              แบบ
Optical เป็น interface ที่ใช้สาย fiber optic โดยมีขั้วต่ออยู่ 2 แบบคือ  TosLink กับแบบ Mini Optical

  TosLink  ส่วนใหญ่ใช้กับเครื่องเล่น CD, DVD และ DAT
  แบบ mini optical 3.5 มม.ส่วนใหญ่ใช้กับ เครื่องเล่น CD และ MD


ชนิดของเครื่องบันทึกเสียง
1. แบ่งตามลักษณะม้วนเทปที่ใช้
        1.1. ม้วนเปิด(Open Reel หรือ Reel to Reel)

        1.2. คาร์ทริดจ์( Cartridge)
     AKAI 8 tracks cartridge

        1.3. cassette


        1.4. Microcassette
Micro Cassette Panasonic Audio Cassette   Olympus XB60 Microcassette Tape 3-Pack  Panasonic RN-305 Handheld Cassette Voice Recorder

        1.5. Elcaset
 lc9fecrk.jpg
2. แบ่งตามทิศทางของเสียง
        2.1. Stereo

        2.2. Mono
APH Table Top Cassette Tape Recorder
        2.3. Multi track

Tascam DA-38 - Digital 8-track recorder. Records on Hi-8 tape

3. แบ่งตามระบบสัญญาณบันทึกเสียง
        3.1. Analogue
      สื่อบันทึกเสียงแบบแอนนาลอก(Analog Audio  Recording Media) เป็นสื่อที่มีมาก่อนนานแล้ว ในปัจจุบันยังมีใช้อยู่บ้าง แต่ลดน้อยลงไปบ้าง อุปกรณ์และวัสดุมีขนาดโตกว่าแบบดิจิตอล คุณภาพมีหลายระดับ
Analog Audio Media Products


        3.2. Digital
สื่อบันทึกเสียงแบบดิจิตอล(Digital Audio Recording Media)

    4. แบ่งตามลักษณะการใช้งาน
       4.1. ชนิดมีภาคขยายในตัว
 Tape Player/Recorder with 10 Watt Amplifier
     
      4.2. Deck
 open reel deck

Yamaha KX-W321 - bei zumi.ch  double cassette deck

       4.3. Tape player


       4.4. Tape recorder
A photo of a protable tape recorder.

       4.5. Radio/Tape


       4.6. Cassciever
   

       4.7. Synchronized  Tape Recorder

 
Califone Slide Sync Tape Recorder with 2 Different Signals

 


Audio Viewer Projector มีเทปซิงโครไนซ์ในตัว

 

       4.8. Echo  tape หรือเทปทำเสี่ยงก้อง






       4.9. Tape Duplicator เครื่องสำเนาเทป

 

 
   mini disc reccorder
 DN-M991R Picture
 

 DAT recorder

 
 DM-1 Digital Voice Reccorder
Oregon Scientific VR368 Digital Voice Recorder with up to 200 minutes of extended play voice recording.

  MO Disc  ขนาดความจุ 640 MB


 
  Digital Audio Media Products


S-VHS Digital Audio

Formatted
S-VHS Digital Audio

CD-R

CD-RDA
Ampex/Quantegy • BASF/EMTEC • FujiHHb • Maxell • Panasonic • Sony


BASF/EMTEC
ADAT-BAND         EMTEC  DA-40
Ampex/Quantegy • BASF/EMTEC • FujiHHb • JVC • Maxell • Memorex • Mitsui • Samsung • Sony • Taiyo Yuden • TDK • 3M/Imation

BASF/EMTEC • Maxell • Memorex • Samsung • Sony • TDK • 3M/Imation



CD-RW

Oval Business Card CD-R
(5-minute/52mb)

Square Business Card CD-R
(3-minute/30mb)
BASF/EMTEC • Maxell • Memorex • Samsung • Sony • TDK • 3M/Imation

Memorex • Neato
Memorex • Neato
Lexar • Memorex • MicrotechOlympusSandisk



Digital Audio Tape

Reel to Reel

3/4" Digital Umatic
Ampex/Quantegy • BASF/EMTEC • FujiHHb • Maxell • Panasonic • Sony • TDK


Sony (MSD-1200)
Ampex/Quantegy • BASF/EMTEC • Sony
Ampex/Quantegy • Sony • 3M



Hi8 Digital Audio

Formatted
Hi8 Digital Audio
Ampex/Quantegy • BASF/EMTEC • FujiHHb • Maxell • Sony
BASF/EMTEC
Ampex/Quantegy
BASF/EMTEC • FujiHHb

Maxell • Memorex • Samsung • TDK
Ampex/Quantegy
BASF/EMTEC • Fuji
HHb • Maxell • Memorex • Samsung • TDK



DVD RW

DVD +ReWritable
Ampex/Quantegy • BASF/EMTEC • HHb • Maxell • Memorex • Samsung • TDK • Verbatim
Verbatim
IBM • Lexar • Memorex • MicrotechSandisk
LexarMicrotechSandisk • Sony



MiniDisc

MiniDisc Data

Digital Micro Cassette
Ampex/QuantegyFujiHHb • JVC • Maxell • Memorex • Sony • TDK

HHb • Sony • TDK




Lexar • Memorex • MicrotechSandisk
Sony



Lexar • Memorex • MicrotechSandisk
Lexar • Memorex • MicrotechOlympusSandisk
EcrixExabyte







From digital camera to mobile phone, enjoy and store life with LG SD,mini SD, RS MMC, MMC and CF cards






Store your data more ease and safe, all of LG drives offer S/W key lock and partition like HDD in your PC





Enjoy an array of LG CD-R/RW products - Neon, Color and Mini Black CD-R/RW






Offer innovative Optical Media such as DVD±RW, DVD-RAM, DVD±RW and Double layer DVD






















 
Tascam CC-222MKII  สำหรับถ่ายเทปลง CD (Recording Media: CD-R, CD-RW, CD-RDA, CD-RWDA)
เทปต้นฉบับ 4 track, 2 channel stereo
ใช้ได้กับเทป Cassette C-60, C-90 Type I (Normal), Type II (CrO2/High Bias),
Type IV (Metal) - Playback Only



DVD
  เมื่อก่อนนี้เรียก Digital Video Disc แต่ในปัจจุบันมีการนำไปใช้งานในการบันทึกข้อมูล digital มากในปัจจุบันจึงเรียกว่า Digital Versatile Disc และมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วมาก ทำให้เกิด format มากมาย จึงขอสรุปที่สำคัญ ๆ  ที่ควรทราบมีดังนี้
DVD Audio
         คุณภาพจะสูงกว่า CDs  ซึ่ง DVD Audio จะมีคุณภาพเสียงที่ดีกว่ารวมทั้ง Dolby Digital AC-3 และ ระบบเสียง Surround สามารถนำไปใช้งานได้อย่างกว้างขวาง บันทึกได้นาน 2 ชั่วโมง
DVD Video
          ใชับันทึกภาพยนตร์ ที่Hollywood ใช้ รวมทั้งตลาด consumer ก็ใช้ มีความจุ 17 GB(2 layers)

DVD-ROM
             เป็นเทคโนโลยีแบบเดียวกับ DVD Video แต่จะใช้งานกับคอมพิวเตอร์ได้ง่ายกว่า  คาดว่า DVD-ROM น่าจะเข้ามาแทนที่ CD-ROM ในไม่ช้านี้

DVD-RAM
        เป็นสื่อ digital ที่เป็นลักษณะ virtual memory สามารถ random read-write access  ถ้าความจุเป็น 2.6 GB จะสามารถเพิ่มให้เป็น 4.7 per side และ double site ปัจจุบันได้ถึง 9.4 GB สามารถเขียนข้อมูลได้ประมาณไม่น้อยกว่า 1 แสนครั้ง โดยไม่จำเป็นต้อง formatted เวลาบันทึกหรือ copy สามารถลากเม้าท์(drag and drop) file ได้เลย แต่ก็มีข้อเสียที่ว่าจะต้อง play กับเครื่อง DVD-RAM drive เท่านั้นซึ่งจะไม่สามารถใช้งานกับเครื่อง DVD Player อื่น ๆ ได้
  

DVD-R
            พัฒนาโดย Pioneer ซึ่ง DVD-R มีความจุ 4.7 GB per side คล้าย ๆ กับ DVD-ROM แต่สามารถเขียนได้เพียงครั้งเดี่ยว  เดิมทีเดียวต้องการผลิตมาเพื่องานแบบ professional ที่เรียกว่า version DVD-R(A) ส่วน version สำหรับ consumer ทั่ว ๆไปคือ DVD-R(G) และแผ่น professional version ที่ว่านี้้จะแตกต่างกันอีกอย่างก็คือใช้สำหรับทำเป็น master และป้องกันการ Copy  สำหรับ DVD-R สามารถใช่้งานกับ DVD player และ DVD-ROM drive ได้
   


DVD-RW
          เป็นแบบที่ต่อยอดของ DVD-R ที่่สามารถอ่านและเขียนได้ มีความจุ 4.7 GB per side สามารถเขียนได้ประมาณ 1,000 ครั้ง  และก็เหมือนกับ DVD-R ที่ DVD-RW นี้สามารถุเล่นได้กับเครื่อง DVD เกือบทุกประเภท


DVD+RW
          เป็น format ที่พัฒนาโดย Hewlett-Packard, Mitsubishi Chemical, Philips, Richo, Sony, Dell, Compaq และ Yamaha  ซึ่ง DVD+RW เป็น format ที่ re-writabel และสามารถสนับสนุนให้ทำงานให้เข้ากันได้กับก DVD-ROM drives, DVD-Video player ทั้งหลายได้ (แต่ไม่ support กับ DVD-RAM) แต่สามารถเขียน CD-R, CD-RW ได้
           DVD+RW มีความจุ 4.7 GB สามารถเขียนได้ประมาณ 1,000 ครั้ง(ถ้าเป็นแบบที่เขียนได้ครั้งเดียวเรียกว่า DVD+R)

Blu-ray Disc(BD)


    ชื่อของ Blu-ray มาจาก blue-green laser ซึ่งจะสามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่า DVD เพราะใช้คลื่นเลเซอร์ที่สั้นกว่าคือใช้ 405nm ในขณะที่ DVD ใช้ 650nm และเป็น red laser ซึ่ง DVD ใช้อย่างเดียวกับ CD ที่ใช้ 780nM ทำให้สามารถบรรจุข้อมูลได้มากขึ้น
  
Blue Ray บันทึกข้อมูลได้ตั้งแต่ 25GBต่อ layer ปัจจุบันได้ 100GB 4 layer ซึ่งทาง TDK ได้ประกาศเมื่อ August 2006 นี้ว่าสามารถพัฒนาได้ 200GB จำนวน 6 layer  
   มาตรฐานของ Blue-ray เป็นการร่วมมือกันของบริษัทต่าง ๆ ของสมาคม Blu-ray Disc Association (BDA) โดยมี Sony เป็นผู้นำ ในขณะเดียวกันก็มีการพัฒนากันต่อในยุคต่อไปด้วย  

 


   อย่างไรก็ตาม Blu-Ray ยังมีราคาแพงอยู่
ขณะนี้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Blu-Ray เริ่มออกสู่ตลาดบ้างแล้วแม้แต่ notebook อย่างของ Sony Vivo
(Sony VAIO VGN-AR11S Blu-ray Notebook)

DVD
Single-layer
4.7GB
Dual-layer
8.4GB
HD-DVD
Single-layer
15GB
Dual-layer
30GB
Blu-ray
Single-layer
25GB
Dual-layer
50GB
Physical size
Single layer capacity
Dual layer capacity
Sextuple layer capacity
12 cm, single sided
25 GB (23.3 GiB)
50 GB (46.6 GiB)
200 GB (33.3 GB/layer) TDK
12 cm, double sided
50 GB (46.6 GiB)
100 GB (93.2 GiB)

8 cm, single sided
7.8 GB (7.3 GiB)
15.6 GB (14.5 GiB)

8 cm, double sided
15.6 GB (14.5 GiB)
31.2 GB (29 GiB)










                                     Blu-ray/ DVD combo ROM disc prototype
                                    
 บริษัท
Victor Company of Japan, Ltd. (JVC) ได้ประกาศว่าทางบริษัทได้พัฒนา Blu-ray/ DVD combo ROM disc technology เป็นรายแรกที่สามารถเก็บข้อมูลที่เป็น video ได้ทั้ง  high definition และ standard definition ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 5GB มี 3 layer คาดว่าจะมีการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์มากขึ้น
Tape Types
Type I, Low noise   = Ferric oxide   (FeO2) ราคาถูก
Type II, Chromium oxide(CrO2)
Type III  FeCrO2  FerricCromium
Type IV  Metal

เราจะซื้อ DVE แบบไหนดี ในท้องตลาดมีหลายแบบ        
DVD-R/RWเป็นฟอร์แมทดั้งเดิม ใช้กับ DVD
DVD+R/RW  ในท้องตลาดเป็นแบบนี้ประมาณ 92%


DVD-RAMฟอร์แมทล่าสุด แต่ก็ไม่เหมาะที่จะนำมาทำ back up  เพราะลงใน HD จะสะดวกกว่าง
  
4. Media Storage
Table 4. 1. Capacity and Speed for Read/Writable Devices
Drive Type
Manufacturer
Interface
Capacity
Maximum Sustained Data Transfer Rate (MB/sec)
Tape
Several
IDE
10/20-GB (native/compressed)
1
Floppy
Several
IDE
1.44 MB
0.06
Zip
Iomega
Parallel and SCSI
100 MB; 250 MB
1.4; 2.4
SuperDisk
Imation
Parallel, IDE, and USB
120 MB
0.57
HiFD
Sony
Parallel and USB
200 MB
1.8-3.3
Jaz
Iomega
SCSI
2 GB
5.5
Orb
Castlewood
IDE, SCSI-2, and USB
2.2 GB
12.2
CD-RW
Several
IDE and SCSI-2
650 MB
2.5 (16X CD-R write); 1.5 (10X CD-RW write); 6.3 (40X CD-ROM read)
DVD-R
Several
IDE and SCSI-2
4.7 GB
2.5 (2X write)
+RW
Several
IDE and SCSI-2
4.7 GB
2.5 (2X write)
DVD-RW
Several
IDE and SCSI-2
4.7 GB
2.5 (2X write)
DVD-RAM
Several
IDE and SCSI-2
4.7 GB
2.5 (2X write)
MO
Several
SCSI
1.28 MB to 9.1 GB
5

CD formats include:
·                Compact disc-read only memory (CD-ROM)
·                Compact disc-recordable (CD-R)
·                Compact disc-rewritable (CD-RW)

DVD formats include:
  Digital versatile disc-read only memory (DVD-ROM)
o                     Digital versatile disc-recordable (DVD-R)
o                     DVD-RAM (rewritable)
o                     Digital versatile disc-rewritable (DVD-RW)
o                     +RW (rewritable)



เทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่ไม่ได้รับความนิยม
 เทคโนโลยีที่เรียกว่า FMD(Fluorescent Multilayer Disk/Card) เป็น optical storage technology จากบริษัทConstellation 3D Inc ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้เทคโนโลยีวัสดุเรืองแสง(fluorescent) เคลือบไปที่ผิวของแผ่นในแต่ละ layer ทำให้สามารถเพิ่มจำนวน layer ได้มากถึง 15 dual-layer และสามารถทำได้มากกว่า 100 layer  ซึ่งแต่ละ layer จะจุได้ 4.7GB เท่ากับ DVD และในอนาคตเมื่อใช้ Blue Laser จะสามารถเพิ่มความจุได้มากกว่า 1 Terabyte
fmd_disk.jpg (26176 bytes)
FMD-25 (8 layers 24 GB)= 38 CD
FMD-50 (16 layers 46 GB = 75 CD
FMD-Z(100 layers 300 GB = 469 CD

Storage ในวันนี้
8GB USB Memory Stick
8GB Compact Flash Storage Cards
120 GB Laptop Hard Drives
500 GB Desktops Hard Drives
Storage ในอนาคต
BluRay Technology
   - 25GB
บน single disc, 50GB on dual layer disc
   -
ใช้ blue laser technology แทน red laser technology
Next Gen DVD Technology(DVD/HD)
    - 20GB
ซึ่ง 32GB กำลังพัฒนาอยู่
  
- ใช้หลักการเช่นเดียวกับ blue laser แต่คลื่นแสงสั้นกว่า red laser
    -
ขณะนี้มี รุ่นสาธิตแล้ว
   an HD-DVD disc








 

Holographic Storage
    -
สามารถบันทึกข้อมูลลงบนแผ่นได้ถึง 200GB และมีอายุข้อมูลด้ากกว่า 100 ปี และสามารถ scan ข้อมูล 100GB ได้ภายในเวลา 5 วินาที
Maxell holographic storage system
 HVD (Holographic Versatile Disc) and the company is already pushing a 200GB HVD-RW



การใช้งานเครื่องบันทึกเสียง
Table top recorder top view
Forward and Rewind buttons
Pitch Control



          tapxprt.gif
               กลไกของเครื่องเทปคาสเซท(ชนิด Auto Reverse)

          tappatha.gif
     
 เมื่อเทปเดิน

      tappathb.gif
เมื่อกลับทาง

                                          tapehead.gif
หัวเทป แบบ
Auto Reverse ชนิด cassette stereo
http://www.bcae1.com/tapehead.htm
Tape Head Display

                                         

Tape Tape Speed Switch 

                                                 


                                         
        Cassette Tape top view


Cassette Tape back view Accesory Connections

                                                                                          

                                                                    Magnetic Recording Head    
                                                   Magnetic Recording/Playback Process
การเก็บรักษา (ให้อ่านหนังสือประกอบการเรียนประกอบ)
  การเก็บรักษาเครื่องบันทึกเสียง
  การเก็บรักษาม้วนเทป

เครดิตจาก ; http://www.cybergogy.com/somsit/423231EdTEquipOpr/AudioRecordingMedia%5B11Feb06%5D.html

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...
Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More